มีลูกค้าหลายท่านสงสัยเรื่องความแตกต่างของโปรแกรมที่ใช้รวมกับ
เครื่องสแกนลายนิ้วมือและเครื่องสแกนใบหน้า ซึ่งปัจจุบันทาง hip มี 2 โปรแกรมที่สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนได้ คือ premium time และ time 4.0 แต่ละโปรแกรมมี 2 เวอร์ชั่นเพื่อใช้งานร่วมกับ
เครื่องสแกนลายนิ้วมือและเครื่องสแกนใบหน้าแต่ละรุ่น เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจการเลือกใช้โปรแกรมและเวอร์ชั่นของโปรแกรมได้อย่างถูกต้องและสามารถเลือกเวอร์ชั่นของโปรแกรมได้ตามเนื้องานที่ต้องการ
โปรแกรมคำนวณเวลาเป็นโปรแกรมที่มีไว้ใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนลายนิ้วมือและ
เครื่องสแกนใบหน้า หน้าที่ของโปรแกรมคือการนำบันทึกเวลาที่เครื่องสแกนเก็บไว้มาประมวลผลในรูปแบบต่างๆ เช่น บันทึกเวลารวม บันทึกเวลาแบบเข้าครังแรกออกครั้งสุดท้าย บันทึกเวลาตามเวลาที่กำหนด หรือการคำนวณตามกะการทำงาน เป็นต้น โดยโปรแกรมคำนวณเวลาของทาง hip มีดังนี้
1. โปรแกรม premium time มีด้วยกัน 2 เวอร์ชั่นคือ
1.1 premium time for u series : โปรแกรมเวอร์ชั่นนี้รองรับเฉพาะเครื่องสแกนลายนิ้วมือ series u เท่านั้น (ทุกรุ่นที่ลงท้ายด้วย u) เช่น cmi810u, cmi812u, cmi817u, ci805u, ci806u, ci809u เป็นต้น
1.2 premium time for series 8 : โปรแกรมเวอร์ชั่นนี้รองรับเครื่องสแกนลายนิ้วมือและเครื่องสแกนใบหน้าหลาย series เช่น series 6, series 8, series 7 เช่น cmif75s, cmif76s, cmif77s และ series s เช่น cmi681s, cmi682s, cmi683s, cmif65s, cmif68s, cif69s เป็นต้น
2. โปรแกรม hip time 4.0 มีด้วยกัน 2 เวอร์ชั่นคือ
2.1 hip time 4.0 : เวอร์ชั่นสำหรับลูกค้าที่ใช้งานในวงแลนหรือใช้วิธีดึงข้อมูลด้วย usb flash drive โดย hip time 4.0 จะรองรับเฉพาะเครื่องสแกนลายนิ้วมือและ
เครื่องสแกนใบหน้ารุ่นที่ลงท้ายด้วย s เท่านั้น (series 7 และ seres s)
2.2 hip time 4.0 on cloud : โปรแกรมเวอร์ชั่นนี้มีไว้สำหรับการใช้งานระบบออนไลน์ผ่านคลาวด์เท่านั้น นิยมใช้กันในกลุ่มลูกค้าที่มีสาขาและต้องการให้สำนักงานใหญ่เป็นผู้บริการจัดการข้อมูลบันทึกเวลาของเครื่องสแกนลายนิ้วมือและเครื่องสแกนใบหน้าเอง ซึ่งรุ่นที่รองรับได้มีเพียง 3 รุ่น คือ cmif75s, cif76s, cif77s เป็นต้น
ความเหมือนกันของโปรแกรม premium time และ time 4.0 คือ ทั้ง 2 โปรแกรมมีไว้ใช้งานร่วมกับเครื่องสแกนลายนิ้วมือและเครื่องสแกนใบหน้าเท่านั้น และจะรองรับได้เฉพาะบางรุ่น แต่ที่แตกต่างกันเลยก็คือ
1. เรื่องฐานข้อมูล :
>> premium time ใช้ฐานข้อมูล acccess ขนาดฐานข้อมูลเล็ก แต่ใช้งานง่ายติดตั้งง่าย
>> time 4.0 ใช้ฐาน SQL ขนาดฐานข้อมูลใหญ่ แต่การติดตั้งและใช้งานมีความซับซ้อนกว่า
2. การให้รายงาน :
>> premium time ให้รายงานที่ละเอียดกว่า ซึ่งมีรายงานกว่า 10 ชนิดให้เราเลือกใช้
>> time 4.0 มีรายงานที่จำกัด โดยมีเพียง 2 รายงานเท่านั้น
3. ความสามารถที่โดดเด่น :
>> premium time จะเน้นไปด้านความเรียบง่ายในการใช้งานและการตั้งค่า
>> time 4.0 จะเน้นไปทางฐานข้อมูล SQL และการแจ้งเตือนบันทึกเวลาผ่านไลน์
โดยสรุปในความคิดเห็นของแอดมิน : มองว่าหากลูกค้าไม่มี it คอยดูแลและไม่ต้องการแจ้งเตือนบันทึกเวลาทางไลน์แนะนำให้ใช้โปรแกรม premium time จะเหมาะกว่าเพราะใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ระบบของโปรแกรมมีความยืดหยุ่นกว่า time 4.0
www.charoenfingerscan.com